23.09.25

ตลาด ICSI/IVF เติบโตอย่างรวดเร็ว เมื่อคนรุ่นใหม่มีความใฝ่ฝันในการสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ร่วมกับการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มโอกาสในการมีบุตร

ตลาด ICSI/IVF เติบโตอย่างรวดเร็ว เมื่อคนรุ่นใหม่มีความใฝ่ฝันในการสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ร่วมกับการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มโอกาสในการมีบุตร

เบื้องหลังรอยยิ้มและเสียงร้องไห้แรกของทารก คือบทสรุปแห่งการรอคอยของครอบครัวที่เคยสิ้นหวังว่าจะไม่มีวันได้สัมผัสคำว่า ‘พ่อ’ และ ‘แม่’ ด้วยหัวใจของตนเอง

เบื้องหลังความสุขเหล่านั้น มีบุคคลสำคัญท่านหนึ่ง นพ. วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (SAFE Fertility Group PCL.)  หนึ่งในไม่กี่คนที่กล้าก้าวออกจากเส้นทางเดิมที่มั่นคง เพื่อเดินตามความเชื่อและความฝัน ในการบุกเบิกเทคโนโลยีเด็กหลอดแก้ว (ICSI/IVF) ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างจริงจัง ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา

ตลาด ICSI/IVF เติบโตอย่างรวดเร็ว

จุดเริ่มต้นของเส้นทางสู่การเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยี IVF ในประเทศไทย

คุณหมอเริ่มดูแลรักษาคนไข้ในฐานะสูตินรีแพทย์ และจากประสบการณ์บวกกับการได้พูดคุยกับคนไข้เรื่อยมา เริ่มมองเห็นว่า เทคโนโลยีด้านสูตินรีเวช โดยเฉพาะการทำคลอดและเทคโนโลยีด้านการเจริญพันธุ์ยังมีไม่มากนัก

ความสนใจในเรื่อง “การมีบุตรยาก” จึงเริ่มต้นจากจุดนั้น เพราะเป็นเรื่องใหม่ที่ท้าทาย เต็มไปด้วยโอกาสในการพัฒนา พร้อมทั้งค้นหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สามารถเติมเต็มความสุขให้กับอีกหลาย ๆ ครอบครัว

"ในสมัยนั้น ผู้ที่มีปัญหามีบุตรยากและต้องพึ่งการรักษาทางการแพทย์ มีโอกาสประสบความสำเร็จเพียง 20–30% เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ คุณหมอวิวัฒน์จึงเชื่อมั่นว่า หากนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยเหลือ ก็จะสามารถยกระดับโอกาสสำเร็จให้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด อาจสูงถึง 90% ซึ่งนับเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยสานฝันของหลายครอบครัวให้กลายเป็นจริง"

ในปี 2550 คุณหมอวิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ ได้ตัดสินใจเปิด “SAFE Fertility Clinic” คลินิกเฉพาะทางด้านเทคโนโลยีเพื่อการเจริญพันธุ์เป็นของตนเอง ด้วยวิสัยทัศน์ในการมองเห็นศักยภาพและการเติบโตของตลาดที่เริ่มขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่มาถูกทางอย่างแท้จริง เพราะเพียงไม่กี่ปีถัดมา ในราว ๆ ปี 2554 ตลาด IVF ก็เริ่มเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการแช่แข็งตัวอ่อน และการตรวจคัดกรองโครโมโซมตัวอ่อนก่อนการฝังตัว (PGT) ที่ช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ได้อย่างชัดเจน ส่งผลให้ผู้คนหันมาให้ความสนใจการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF/ICSI) มากยิ่งขึ้น

ตลาด ICSI/IVF เติบโตอย่างรวดเร็ว

เทรนด์ ฝากไข่ มีลูกเมื่อพร้อมมาแรง

ตลาด “IVF” โดยทั่วไปไม่ได้หมายถึงแค่ การทำเด็กหลอดแก้วเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมบริการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดใน Ecosystem ด้านการมีบุตรยาก เช่น การฝากไข่แช่แข็ง การฝากตัวอ่อน การตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน รวมทั้งการตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรมเพื่อป้องกันการถ่ายทอดสู่บุตร  เช่น ดาวน์ซินโดรม ธาลัสซีเมีย หรือ กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นตัน

ปัจจุบัน แม้คนทั่วไปมีแนวโน้มต้องการมีบุตรน้อยลง และมักเริ่มวางแผนครอบครัวในวัยที่มากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านชีวิตคู่หรือเศรษฐกิจ แต่การมีลูกเมื่ออายุมากขึ้นก็มักมาพร้อมความกังวล ทั้งเรื่องคุณภาพไข่และสุขภาพของลูกในอนาคต ทำให้ความต้องการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย หลายคนจึงเลือกตรวจคัดกรอง ฝากไข่แช่แข็ง หรือฝากตัวอ่อนไว้ล่วงหน้า เพื่อเก็บช่วงเวลาที่ร่างกายยังแข็งแรงที่สุดไว้ใช้ในอนาคต

“หลายคนคิดว่ายังมีเวลา...แต่เมื่ออายุเกิน 35 ปีขึ้นไป ความเสี่ยงและความกังวลก็เพิ่มขึ้น จึงเริ่มมองหาแพทย์และเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์”

ตลาด ICSI/IVF เติบโตอย่างรวดเร็ว

จาก Word of Mouth สู่ Online Marketing คุณหมออธิบายการบุกตลาดในธุรกิจนี้ว่า 

“ช่วงที่เราเริ่มทำธุรกิจ ถือว่าเป็นจังหวะที่ดี เพราะจำนวนคู่แข่งยังไม่มาก การทำการตลาดจึงไม่ซับซ้อน คนไข้ส่วนใหญ่รู้จักเราผ่านการบอกต่อแบบปากต่อปาก (Word of Mouth) เราเริ่มขยับเข้าสู่การทำตลาดออนไลน์ ด้วยการสร้างเว็บไซต์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเจริญพันธุ์ ซึ่งช่วยขยายกลุ่มเป้าหมายจากคนไทยสู่ตลาดต่างประเทศ ในขณะนั้นโซเชียลมีเดียยังไม่แพร่หลาย เฟซบุ๊กยังไม่เป็นที่นิยม และแพลตฟอร์มอย่างติ๊กต็อกก็ยังไม่เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ”

ปัจจุบัน คนไข้ของ SAFE แบ่งเป็นชาวไทยและชาวต่างชาติในสัดส่วนราว 50:50 แม้ผู้รับบริการจากบางประเทศอาจจะชะลอตัวจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่ SAFE ยังคงได้รับความไว้วางใจจากตลาดต่างประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะอินเดีย เวียดนามซึ่งเป็นตลาดที่เติบโตขึ้น และตลาดญี่ปุ่น รวมถึงกลุ่ม Expats ที่เราสร้างฐานไว้ได้ดี และเรายังคงเดินหน้าขยายโอกาสใหม่ ๆ เพื่อสร้างสมดุลและเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจในระยะยาว

“สำหรับ SAFE นี่คือช่วงเวลาสำคัญในการขยายเครือข่ายสู่ระดับภูมิภาค สะท้อนความมุ่งมั่นในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์แห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมยกระดับมาตรฐานการรักษา และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับผู้มีบุตรยากทั้งในและต่างประเทศ”

“จากการบอกต่อแบบปากต่อปาก (Word of Mouth) สู่กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ครอบคลุม ปัจจุบัน SAFE ให้ความสำคัญกับการสื่อสารผ่านทุกแพลตฟอร์ม พร้อมให้บริการ tele-consultation เพื่อให้คนไข้สามารถปรึกษาแพทย์ล่วงหน้า ออกแบบแผนการรักษาเฉพาะบุคคล ก่อนเดินทางเข้ารับบริการที่คลินิก”

ปัญหา ความท้าทาย และโอกาส

ปัจจุบัน ในการทำธุรกิจ IVF นี้ ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในหลายมิติ แต่ SAFE มองว่าทุกความท้าทายคือโอกาสที่จะยกระดับมาตรฐานและสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน

1.กฎหมายสมรสเท่าเทียม

“แม้ประเทศไทยจะมีการประกาศใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมแล้ว แต่การเข้าถึงบริการ ICSI/IVF สำหรับคู่รักเพศเดียวกันยังคงมีข้อจำกัดบางประการ หากมีการอนุมัติและปรับปรุงเงื่อนไขทางกฎหมายเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวข้อง จะถือเป็นกุญแจสำคัญในการขยายตลาดเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ให้ครอบคลุมและเท่าเทียมยิ่งขึ้น ซึ่ง SAFE มีความพร้อมในการรองรับผู้รับบริการกลุ่มใหม่นี้อย่างเต็มที่”

2.เศรษฐกิจ

การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศจะส่งผลสำคัญต่อการเพิ่มจำนวนผู้รับบริการชาวต่างชาติที่กลับมาใช้บริการ SAFE โดยทางคลินิกได้เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร เทคโนโลยี และเครือข่ายสาขา เพื่อรองรับความต้องการที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

3.การแข่งขันและการเข้าถึง

หลายคนอาจมองว่าการเข้ารับบริการ ทำ ICSI/IVF เป็นบริการที่มีราคาสูง แต่ SAFE ได้ออกแบบทางเลือกที่หลากหลายเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงทุกความต้องการได้ง่ายขึ้น โดยไม่ลดทอนมาตรฐานการบริการในระดับพรีเมียมที่เรายึดมั่นเสมอ เปรียบเสมือนการเข้าไปร้านอาหาร Fine Dining ที่คุณสามารถเลือกได้ทั้งแบบ Full Course หรือเมนู A la carte อย่างมั่นใจว่าทุกเมนูยังคงคุณภาพและมาตรฐานเดียวกัน

ภายใต้ SAFE Fertility Clinic เรารองรับการบริการครอบคลุม 5 สาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อออกแบบการบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแต่ละพื้นที่ได้ ไม่ว่าจะเป็นสาขาใหญ่ที่เน้นการบริการระดับพรีเมียมท่ามกลางบรรยากาศใจกลางเมือง หรือสาขาในต่างจังหวัดที่ออกแบบเพื่อการเข้าถึงง่าย พร้อมคงคุณภาพการบริการและมาตรฐานทางการแพทย์ที่เข้มงวด โดยทุกสาขายังคงยึดมั่นในมาตรฐานเดียวกันของ SAFE Fertility Group PCL.อย่างเคร่งครัด

ตลาด ICSI/IVF เติบโตอย่างรวดเร็ว

การตัดสินใจก้าวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) ในปี 2566 นับเป็นก้าวสำคัญของการเติบโตทางธุรกิจ พร้อมตอกย้ำความโปร่งใส ความยั่งยืน และความมุ่งมั่นในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้รับบริการรวมถึงการดึงดูดบุคลากรคุณภาพเข้าร่วมทีม เพื่อร่วมกันยกระดับมาตรฐานการดูแลด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์อย่างยั่งยืน

ตลาด ICSI/IVF เติบโตอย่างรวดเร็ว

แม้เทรนด์สัตว์เลี้ยงเติมเต็มครอบครัวจะมาแรง แต่ความต้องการมีบุตรยังคงอยู่ ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญของตลาด IVF

ปัจจุบัน แม้เทรนด์ในสังคมที่ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไป บางครอบครัวเลือกที่จะใช้ชีวิตกับสัตว์เลี้ยงเหมือนสมาชิกในครอบครัว แต่ยังมีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่ให้ความสำคัญกับการมีบุตร ไม่ว่าจะเป็นคู่ที่ประสบปัญหามีบุตรยาก หรือผู้ที่เปลี่ยนใจและพร้อมสร้างครอบครัวใหม่ ส่งผลให้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ยังคงมีบทบาทสำคัญและเติบโตอย่างต่อเนื่อง

คุณหมออธิบายเพิ่มเติมว่า หากเปรียบเทียบในอดีต คู่แต่งงาน 100 คู่ อาจมีเพียง 5 คู่ที่พึ่งพาเทคโนโลยีช่วยการมีบุตร แต่ปัจจุบันตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นถึง 20 คู่ ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้ตลาด IVF เติบโตอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ในยุคที่ตลาด IVF มีการแข่งขันสูงขึ้น SAFE Fertility Group PCL. จึงเดินหน้าด้วยกลยุทธ์การเติบโตแบบบูรณาการ ผ่านการสร้าง Ecosystem ด้านสุขภาพการเจริญพันธุ์ โดยเชื่อมโยงการบริการผ่านบริษัทในเครือ ทั้ง SAFE Fertility Clinic (คลินิกเพื่อการมีบุตร), Next Generation Genomic Thailand (ห้องปฏิบัติการและบริการด้านพันธุศาสตร์) และ The Fountain Wellness Clinic (คลินิกดูแลสุขภาพและเวชศาสตร์ป้องกัน) เพื่อตอบโจทย์การดูแลแบบองค์รวมและยกระดับคุณค่าที่ส่งมอบแก่ผู้รับบริการอย่างยั่งยืน

นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ ยังคงเน้นย้ำอย่างมั่นใจในแนวคิดที่ว่า “การทำ IVF ไม่ใช่เพียงแค่การมีบุตร แต่คือการมี ‘บุตรที่แข็งแรง’ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของคนรุ่นใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าปริมา