24.04.67

การทำอิ๊กซี่ คืออะไร เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยาก

การทำอิ๊กซี่ คืออะไร เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยาก

การทำอิ๊กซี่ (ICSI) คือหนึ่งในวิธีการทางการแพทย์ ที่จะช่วยให้ผู้ที่มีบุตรยากสามารถมีลูกได้ โดยการทำ ICSI จะมีการคัดเลือกไข่และอสุจิที่แข็งแรงสมบูรณ์แล้วนำมาปฏิสนธิกัน ก่อนที่จะนำตัวอ่อนไปที่โพรงมดลูก เพื่อให้ตัวอ่อนฝังตัว และเติบโตเป็นทารกในครรภ์ต่อไป ซึ่ง ICSI เป็นวิธีการทำเด็กหลอดแก้วที่ได้ผลดีที่สุดในปัจจุบัน บทความนี้ SAFE Fertility Group จะมาอธิบายเกี่ยวกับการทำ ICSI ให้คุณได้รู้กัน

การทำอิ๊กซี่ (ICSI) คืออะไร

การทำอิ๊กซี่ (Intracytoplasmic Sperm Injection, ICSI) คือ วิธีการทำลูกจากเด็กหลอดแก้ว โดยการเก็บไข่ทั้งหมดในหนึ่งรอบเดือนออกมาผสมกับอสุจิโดยผสมไข่1ใบต่ออสุจิ 1 ตัว ซึ่งจะคัดเลือกตัวที่ดีที่สุดมาผสม ด้วยการใช้เข็มขนาดเล็กฉีดอสุจิเข้าไปในไข่โดยตรง จนเกิดเป็นตัวอ่อน จากนั้นจะทำการเพาะเลี้ยงให้ตัวอ่อนแข็งแรงขึ้น แล้วจึงนำตัวอ่อนย้ายกลับไปที่โพรงมดลูก เพื่อให้ตัวอ่อนฝังตัวที่ผนังมดลูก และเติบโตเป็นทารกในครรภ์ต่อไป

ดังนั้น การทำ ICSI จึงเป็นวิธีการผสมตัวอ่อน ที่มีอัตราความสำเร็จสูงกว่าวิธีอื่น ๆ และนับเป็นวิธีการทำเด็กหลอดแก้วที่ได้ผลดีที่สุดในปัจจุบัน ปรึกษาเกี่ยวกับภาวะมีบุตรยาก และราคาการทำ ICSI ได้ที่ SAFE Fertility Group ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการมีบุตรแบบครบวงจร ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 15 ปี

ใครเหมาะกับการทำ ICSI

สำหรับการทำอิ๊กซี่ (ICSI) คือ วิธีทำลูกด้วยการใช้หลักวิทยาศาสตร์การแพทย์ เหมาะกับผู้ที่พยายามมีลูกด้วยวิธีตามธรรมชาติแล้ว แต่ยังไม่ได้ผล ดังนั้นการทำ ICSI จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาดังต่อไปนี้

  • คู่สมรสที่มีภาวะมีบุตรยาก (Infertility) ไม่ว่าจะเป็นภาวะจากฝ่ายหญิง (Female Infertility) หรือฝ่ายชาย (Male Infertility)
  • คู่สมรสที่เคยใช้วิธีการฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก (IUI) แล้วยังไม่ได้ผล
  • ฝ่ายหญิงที่ตรวจพบว่ามีปัญหาในมดลูกหรือรังไข่ เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่ (Endometriosis) ท่อนำไข่ตีบตัน หรือถูกทำลาย (Block Fallopian Tube)
  • ฝ่ายหญิงที่ตรวจพบว่ามีภาวะตกไข่ผิดปกติ (Ovulation Disorder) และมีภาวะรังไข่เสื่อมก่อนกำหนด (Primary Ovarian Insufficiency)
  • ฝ่ายชายที่ผ่านการทำหมัน (Vasectomy) มาแล้ว

ขั้นตอนการทำอิ๊กซี่ (ICSI)

ขั้นตอนการทำอิ๊กซี่ (ICSI) สำหรับผู้อยู่ในภาวะมีบุตรยากนั้น ก่อนจะเริ่มกระบวนการได้ ต้องมีการตรวจร่างกายทั้งฝ่ายชาย และฝ่ายหญิงว่าพร้อมสำหรับการเก็บอสุจิ เก็บเซลล์ไข่ และพร้อมต่อการตั้งครรภ์หรือไม่ หากร่างกายพร้อมแล้ว ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการทำ ICSI ซึ่งมีกระบวนการดังต่อไปนี้

การฉีดยากระตุ้นไข่ (Ovulation stimulation)

การฉีดยากระตุ้นไข่ เป็นการฉีดยาเพื่อกระตุ้นให้ไข่เจริญเติบโตได้ในขนาดที่เหมาะสม โดยกระบวนการจะเริ่มในวันที่ 2-3 ของรอบประจำเดือน แพทย์จะทำการตรวจดูความพร้อมของมดลูก ตรวจเลือด และวัดระดับฮอร์โมน จากนั้นจะทำการฉีดฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นเซลล์ไข่เป็นเวลา 8-10 วันจนกว่าจะได้เซลล์ไข่ที่มีขนาดเหมาะสม ทั้งนี้ การฉีดยากระตุ้นไข่ อาจมีอาการข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ตามมาได้

แพทย์จะทำการนัดอัลตราซาวด์เพื่อติดตามผลเป็นระยะ เมื่อไข่มีขนาดเหมาะสมพร้อมที่จะเก็บแล้ว แพทย์จะทำการฉีดยากระตุ้นให้ไข่ตก และเก็บไข่เพื่อนำไปทำ ICSI ต่อไป

กระบวนการเก็บไข่ (Egg retrieval)

เมื่อได้ขนาดไข่ที่เหมาะสมกับการทำ ICSI แล้ว แพทย์จะทำการฉีดยากระตุ้นไข่ตก และนัดคนไข้มาเก็บไข่ใน 36 ชั่วโมงถัดมา จากนั้นจะทำการวางยาสลบอ่อน ๆ ให้กับคนไข้ ก่อนที่จะดูดไข่ออกมาทางช่องคลอด ซึ่งขั้นตอนการเก็บไข่นี้ใช้เวลาแค่ 15-20 นาทีเท่านั้น อีกทั้งแพทย์จะทำการเก็บอสุจิของฝ่ายชายไปพร้อมกันในวันเดียวกับที่เก็บไข่จากฝ่ายหญิงเลย

ขั้นตอนการปฏิสนธิ (ICSI fertilization)

เมื่อได้ไข่และอสุจิที่ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ทีมแพทย์จะทำการฉีดอสุจิ 1 ตัวที่แข็งแรงสมบูรณ์ที่สุดเข้าไปภายในไข่โดยตรงเพื่อให้เกิดการปฏิสนธิขึ้น หากการปฏิสนธิสำเร็จ ก็จะเข้าสู่กระบวนการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนต่อไป

การเลี้ยงตัวอ่อนในห้องปฏิบัติการ (Embryo culture)

กระบวนการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนในการทำ ICSI จะใช้เวลา 3-5 วัน ในห้องปฏิบัติการที่มีการควบคุมสภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงกับภายในร่างกายคนมากที่สุด เมื่อตัวอ่อนแข็งแรงแล้ว ก็จะทำการย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูกของฝ่ายหญิงในลำดับถัดมา

การย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก (Embryo transfer)

ขั้นตอนการใส่ตัวอ่อนของ ICSI ในโพรงมดลูก จะมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ รอบสด และรอบแช่แข็ง ซึ่งรอบสด คือ การย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก หลังเลี้ยงตัวอ่อนได้ 3-5 วัน ส่วนรอบแช่แข็ง คือ การย้ายตัวอ่อนเข้าสู่ร่างกายก็ต่อเมื่อฝ่ายหญิงพร้อมที่จะตั้งครรภ์ และสามารถเก็บแช่แข็งตัวอ่อนได้นาน 5-10 ปี

ทั้งนี้ อาจมีอาการข้างเคียงหลังใส่ตัวอ่อนได้ เช่น ท้องอืด ปวดเกร็งท้อง เป็นต้น โดยแพทย์จะนัดติดตามผลการตั้งครรภ์ภายใน1-2 สัปดาห์ หลังย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูกเสร็จสิ้น

ข้อดีในการทำอิ๊กซี่ (ICSI)

การทำอิ๊กซี่ (ICSI) นับเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่มีภาวะมีบุตรยาก เนื่องจากมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้สูงที่สุด สำหรับการทำลูกด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ในปัจจุบัน ข้อดีในการทำ ICSI มีหลายประการ ดังเช่น

  • สามารถเลือกเวลาที่พร้อมจะตั้งครรภ์ได้
  • สามารถตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน และหลีกเลี่ยงภาวะผิดปกติต่าง ๆ ได้ เช่น ภาวะดาวน์ซินโดรม ธาลัสซีเมีย เป็นต้น
  • ช่วยเพิ่มโอกาสการมีบุตร และได้ตัวอ่อนสำหรับตั้งครรภ์สูงขึ้น เนื่องจากการฉีดอสุจิเข้าไปปฏิสนธิในไข่โดยตรง จะทำให้โอกาสปฏิสนธิมีมากกว่าการให้อสุจิเข้าไปผสมกับไข่เอง

ข้อเสียในการทำอิ๊กซี่ (ICSI)

เนื่องจากการทำอิ๊กซี่ (ICSI) คือการทำให้ไข่และอสุจิปฏิสนธิภายนอกร่างกาย ไม่ใช่วิธีการมีลูกตามธรรมชาติ จึงต้องอาศัยความชำนาญในการทำเป็นอย่างมาก เพื่อให้การตั้งครรภ์นั้นสมบูรณ์แข็งแรง อีกทั้งการฉีดยากระตุ้นต่าง ๆ อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียง และภาวะแทรกซ้อนบางประการได้

การทำ ICSI ควรได้รับการควบคุมดูแล และดำเนินการทำ ICSI จากทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์มากมาย ภายในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานเท่านั้น เพื่อเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ให้มากขึ้น และลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ให้น้อยลง

ปัจจัยของการทำอิ๊กซี่ที่ส่งผลต่อการตั้งครรภ์

ปัจจัยของการทำอิ๊กซี่ (ICSI) ที่ส่งผลต่อการตั้งครรภ์มีหลายประการ เช่น คุณภาพของไข่และอสุจิที่เก็บได้ หากมีคุณภาพที่ไม่ดี ไม่สมบูรณ์แข็งแรง โอกาสที่จะปฏิสนธิสำเร็จ และตั้งครรภ์ได้ก็ลดน้อยลง รวมไปถึงสภาพร่างกายของฝ่ายตั้งครรภ์ ซึ่งถ้าหากมีผนังมดลูกบางหรือหนาเกินไป ก็จะลดโอกาสสำเร็จการตั้งครรภ์ลง อีกทั้งความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน หากขาดความชำนาญในการดำเนินการทำ ICSI โอกาสที่ตั้งครรภ์ได้ก็จะน้อยลง และมีความเสี่ยงต่าง ๆ สูงขึ้น เป็นต้น

โอกาสการตั้งครรภ์สำหรับการทำอิ๊กซี่

อัตราการตั้งครรภ์จากการทำอิ๊กซี่ (ICSI) จะอยู่ที่40-50% แต่ถ้าหากมีการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อน และคัดเลือกตัวอ่อนที่แข็งแรงสมบูรณ์ที่สุดก่อนใส่เข้าไปในมดลูก อัตราการตั้งครรภ์จะเพิ่มขึ้นเป็น70-80 % ทั้งนี้ การคัดเลือกไข่ อสุจิ และการผสมตัวอ่อนสำหรับตั้งครรภ์นั้น ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของทีมแพทย์เป็นอย่างมาก ควรเลือกสถานพยาบาลที่คุณไว้ใจในการทำ ICSI เพื่อให้มีโอกาสตั้งครรภ์สำเร็จได้มากที่สุด

เลือกทำอิ๊กซี่ที่ SAFE ผู้นำการรักษาด้านภาวะมีบุตรยาก

เลือกทำอิ๊กซี่ (ICSI) ที่ SAFE Fertility Group ผู้นำการรักษาด้านภาวะมีบุตรยาก ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านการมีบุตรแบบครบวงจรที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 15 ปี พร้อมให้คำปรึกษา ไปจนถึงการแช่แข็งไข่ และผสมตัวอ่อนเพื่อตั้งครรภ์ อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี รวมไปถึงอุปกรณ์ที่ทันสมัย ได้มาตรฐานระดับสากล SAFE จะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้คุณมีโอกาสตั้งครรภ์ได้สำเร็จสูงสุด